มีคำกล่าวว่า “Data is the new Oil” เปรียบข้อมูลเป็นน้ำมันชนิดใหม่ที่มีคุณค่าและมูลค่า ช่วยให้เราสามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า หากเรามีความสามารถในการใช้ข้อมูลที่เรามีให้นำมาวิเคราะห์ต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็ยิ่งจะช่วยให้เราสามารถดำเนินธุจกิจได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ลดต้นทุน เข้าใจลูกค้า เข้าใจองค์กรและได้เปรียบคู่แข่งเป็นอย่างมาก
ระบบ Enterprise Application อย่าง SAP หรือ Salesforce นั้นก็นับว่าเป็นแหล่งเก็บข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญขององค์กร นอกจากจำสามารถใช้ในการทำรายการทางธุจกิจได้แล้ว คงจะดีไม่น้อยหากเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มารวมกับข้อมูล Public Data จากภายนอก แล้วนำออกออกมาแสดงเป็น Analytic Dashboard เพื่อให้สามารถเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น หรือสามารถนำ AI มาช่วยในการประมวลผลข้อมูลและทำนายอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นได้
Google Cloud มีเครื่อง Framework ที่ช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เรามีอยู่อย่างเต็มที่ได้ง่ายๆ ประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น Framework นี้มีชื่อว่า Google Cloud Cortex Framework
จากเดิม หากหากต้องการดึงข้อมูลจาก SAP ออกมาวิเคราะห์หรือเขียนโปรแกรมเพิ่งดึงข้อมูลเหล่านี้มาใช้ ก็จะพบกับความซับซ้อนของข้อมูล เนื่องจากระบบ SAP เก็บข้อมูลไว้เป็นจำนวนมากและซับซ้อน และชื่อตารางเป็นตัวย่อ ซึ่งทำให้ผู้พัฒนาใช้เวลามากในการดึงข้อมูลและเสี่ยงต่อความผิดพลาดได้ง่าย ดังภาพ
นอกจากนี้ยังต้องมีการติดตั้งและดูแลระบบ Data Warehouse ซึ่งเป็นระบบที่มีขนาดใหญ่ มีค่าใช้จ่ายในการดูแลสูง และการประมวลผลกับข้อมูลที่มีก็ใช้เวลานา
แต่วันนี้ Google Cloud Cortex Framework ช่วยเราได้ โดยที่ Google Cloud มีขั้นตอนและเครื่องมือที่ประกอบไปด้วยหลายๆส่วน ตั้งแต่
- ชุดข้อมูลพื้นฐาน ที่ Google เตรียมไว้ให้ ซึ่งมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Search Trend, ข้อมูลพยากรณ์อากาศ, ข้อมูล Ads ที่คนนิยมค้นหา เป็นต้น
- เครื่องมือและ Template ที่ใช้ในการนำข้อมูลเหล่านี้ไปติดตั้งบน Google Cloud แบบอัตโนมัติ จากนั้นทำการประมวลผลและ เก็บข้อมูลบน Serverless Cloud Data Warehouse BigQuery ซึ่งเป็น Cloud Data Warehouse ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เก็บข้อมูลและประมวลผลข้อมูลที่มีขนาดใหญ่แทบจะไม่จำกัด
- เครื่องมือในการ Connect ระหว่างฐานข้อมูลเดิมของเรากับ BigQuery ก็มีรองรับหลายอย่าง พร้อมทั้งมีตัวอย่าง Architecture ในการเชื่อมต่อ
- นอกจากนั้นก็ยังมี Template เพื่อแสดงออกมาเป็น Dashboard ผ่าน Looker ได้แบบสำเร็จรูป และที่สำคัญ ข้อมูลทั้งหมดนี้มีการ Update ได้แบบ Real Time อีกด้วย
นอกจากนี้ Google ยังมีตัวอย่าง Dashboard ที่เป็นที่นิยมใช้กันมากในหลายส่วนของธุจกิจ เช่น
- Financial analytics Dashboard ซึ่งสามารถใช้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางบัญชีและการเงิน ไม่ว่าจะเป็น
- Accounts Receivable ดูรายงานยอดขาย
- Overdue Receivables ดูรายงานว่า มีคู่ค้าใดที่มีการจ่ายค่าสินค้าหรือบริการล่าช้ากว่ากำหนด
2. Order to Cash ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการขาย ตั้งแต่ตอนที่ลูกค้าสั่งซื้อ จนถึงเราได้รับค่าสินค้าและบริการนั้น เช่น
- Order Fulfillment Dashboard ที่ทำให้เราเห็นได้ว่า เราใช้เวลาเท่าไหร่ในการจัดการคำสั่งส่งของถึงมือลูกค้าได้สำเร็จ หรือมี Order ใดที่เราใช้เวลาในการจัดส่งช้าเกินไปหรือไม่
- Sales Performance ช่วยให้เราเห็นว่า สินค้าของเรา ชิ้นไหนขายดี ขายทางช่องทางไหน และใครเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราค่ะ
จะเห็นได้ว่า หากเรามีการนำ Cortex Data Framework นี้ไปประบุกต์ใช้ เราจะสามารถสร้าง Analytics Dashboard ได้อย่างง่ายดายและอัตโนมัติผ่านเครื่องมือต่างๆที่ Google Cloud มีไว้ให้ เพียงเท่านี้ เราก็จะสามารถนำข้อมูลจากระบบ SAP ภายในองค์กรมาร่วมกับข้อมูลจากภายนอกมาช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจทางธุจกิจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ในตอนหน้า เราจะมาดูกันว่า การ run SAP บน Google Cloud นั้นช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยของระบบและข้อมูลของเราได้อย่างไรบ้าง อย่าลืมติดตามกันนะครับ