ในปี 2024 หัวข้อสำคัญด้านเทคโนโลยีก็ยังไม่พ้นหัวข้อสำคัญอย่าง Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งปัจจุบัน Artificial Intelligence (AI) ได้รับความสนใจและนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่า Artificial Intelligence (AI) มีแนวโน้มที่จะถูกพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็วไปยังธุรกิจและอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นในอนาคต รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างชาญฉลาดแต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัย
ทั้งนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Artificial Intelligence (AI) แปลว่าอะไรแบบเจาะลึกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงหลักการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ที่ทุกท่านควรรู้
ทำความรู้จักกับ Artificial Intelligence คืออะไร
Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ คือ เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการสร้างระบบที่สามารถคิดหรือทำงานเหมือนมนุษย์ได้ โดยอาศัยการเรียนรู้และการทำงานอัตโนมัติเพื่อแก้ไขปัญหาการทำงานที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจและวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
Artificial Intelligence (AI) สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามระดับความสามารถและลักษณะในการทำงาน ดังนี้
AI แบบเฉพาะเจาะจง (Narrow AI)
AI แบบเฉพาะเจาะจง คือ AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานหรือแก้ไขปัญหาเฉพาะเจาะจง โดยมีความสามารถที่จำกัดและถูกกำหนดขอบเขตการทำงานไว้ ตัวอย่างเช่น Siri หรือ Google Assistant การใช้ Artificial Intelligence ในการแปลงเสียงพูดเป็นข้อความทำให้โทรศัพท์สามารถทำงานตามคำสั่งเสียง
AI แบบทั่วไป (General AI)
AI แบบทั่วไป หรือ AGI (Artificial General Intelligence) คือ Artificial Intelligence ที่มีความสามารถระดับเดียวกับมนุษย์ สามารถเรียนรู้, เข้าใจ, วิเคราะห์ และแก้ปัญหาได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่ง Artificial Intelligence ระดับนี้ไม่ได้ถูกจำกัดให้สามารถทำงานแบบเฉพาะเจาะจงอย่างเดียวนั่นเอง
AI แบบเหนือมนุษย์ (Superintelligent AI)
AI แบบเหนือมนุษย์ หรือ Superintelligent AI คือ Artificial Intelligence ที่มีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ในทุกด้าน โดยมีความสามารถในการทำงานและคิดในระดับที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ ซึ่ง AI ระดับนี้ยังคงเป็นแนวคิดรูปแบบทฤษฎี เนื่องจากยังกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านความปลอดภัยและจริยธรรม
จากที่กล่าวข้างต้นเกี่ยวกับ Artificial Intelligence (AI) คืออะไร และมีกี่ประเภท ทั้งหมดนี้เป็นการพัฒนาเกี่ยวกับ AI อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นยุค 1950s จนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจหลักการทำงานของ AI มากยิ่งขึ้น เราจะขออธิบายเกี่ยวกับการทำงาน ดังนี้
หลักการทำงานของ AI
Artificial Intelligence เป็นเทคโนโลยีที่มีความกว้างใหญ่และหลายด้านที่เชื่อมโยงกัน เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราจะอธิบายออกเป็นส่วนย่อยหลัก ๆ ดังนี้
- Machine Learning (ML): การเรียนรู้ของเครื่องจักร คือ การใช้ข้อมูลเพื่อฝึกสอนโมเดลให้สามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ
- Deep Learning: การเรียนรู้เชิงลึก คือ การใช้ Neural Networks เช่น Convolutional Neural Networks (CNNs) และ Recurrent Neural Networks (RNNs)
- Generative AI: การสร้างเนื้อหาหรือข้อมูลใหม่จากข้อมูลที่มีอยู่ โดยใช้เทคนิคที่ซับซ้อนขึ้นเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ซึ่ง Generative AI ถือว่าเป็นเทคโนโลยีอีกตัวหนึ่งที่แสดงถึงความก้าวหน้าของยุคดิจิทัลอย่างเห็นได้ชัด เพราะหลักการทำงานสามารถประมวลผลเชิงลึก เป็นธรรมชาติ และมีความสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของ Artificial Intelligence
Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มีข้อดีและประโยชน์มากมายหลากหลายด้าน ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างของประโยชน์ของ AI ที่สำคัญ ดังนี้
1. การวิเคราะห์และการตัดสินใจ
AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ที่มีอยู่จำนวนมากเพื่อค้นหาแนวโน้มและข้อมูลเชิงลึกที่มนุษย์อาจมองข้ามไป เช่น AI สามารถวิเคราะห์การตลาด, พฤติกรรมของลูกค้า และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาสนับสนุนในการตัดสินใจวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาองค์กรอย่างชาญฉลาด
2. เพิ่มประสิทธิภาพ
Artificial Intelligence สามารถทำงานในส่วนที่ซ้ำซ้อน เช่น การผลิตสินค้าในโรงงาน, การประมวลผลข้อมูลจำนวนมากและซับซ้อน หรือการจัดการคลังสินค้า AI จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี
3. การศึกษาและการเรียนรู้
ประโยชน์ของ Artificial Intelligence ด้านการศึกษาและเรียนรู้ คือ สามารถสร้างโปรแกรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการและระดับของผู้เรียน รวมไปถึงสามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมและความสามารถของผู้เรียน
4. การบริการลูกค้า
Artificial Intelligence ถูกนิยมนำมาใช้ในการบริการลูกค้าโดยเฉพาะการใช้ AI ในการตอบคำถามลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากจะช่วยลดภาระงานของทีมบริการลูกค้า ยังสามารถสร้างความพึงพอใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
5. การสร้างสรรค์และการออกแบบ
Artificial Intelligence ช่วยในการสร้างเนื้อหาต่าง ๆ เช่น การสร้างภาพ, การผลิตเสียง การเขียนบทความ รวมไปถึงสามารถช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์การออกแบบและการทดลอง
ตัวอย่างการนำ AI มาประยุกต์ใช้ร่วมกับองค์กร และธุรกิจ
แน่นอนว่า Artificial Intelligence ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อนำ AI มาประยุกต์ใช้ร่วมกับองค์กร และธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน, ลดต้นทุน สร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า และเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งนี่คือตัวอย่างของการนำ AI มาประยุกต์ใช้ร่วมกับองค์กรและธุรกิจ
1. แชทบอทและผู้ช่วยดิจิทัล
การใช้ AI สร้างแชทบอทที่สามารถตอบคำถามลูกค้าที่ต้องการแก้ไขปัญหาและต้องการทราบข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ยังสามารถใช้ AI ในการวิเคราะห์ความคิดเห็น, รีวิว และข้อเสนอแนะจากลูกค้า เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในการปรับปรุงบริการและวางแผนการตลาดต่อไป
2. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าเพื่อค้นหากลุ่มลูกค้าใหม่และแนวโน้มการซื้อของลูกค้า ซึ่ง AI จะช่วยให้การวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้การใช้ AI ยังสามารถคาดการณ์ยอดขายและแนวโน้มตลาด เพื่อวางแผนการจัดการสินค้าภายในคลังได้อีกด้วย
3. การตรวจสอบและวิเคราะห์ทางการเงิน
AI ถูกนำมาใช้ในการวางแผนงบประมาณและวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการตรวจสอบบัญชี เช่น การตรวจจับการฉ้อโกงและการคาดการณ์ทางการเงิน ซึ่งจะช่วยให้การจัดการทางการเงินมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
4. การออกแบบผลิตภัณฑ์
Artificial Intelligence มีความสามารถในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ออกแบบ และสร้างต้นแบบของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ โดยการใช้ AI ในการคาดการณ์ผลลัพธ์และการปรับปรุงการออกแบบ
5. การจัดการความปลอดภัย
AI ถูกนำใช้กับองค์กรและธุรกิจในด้านการจัดการความปลอดภัย ตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดปกติในเครือข่ายและระบบไอที เพื่อป้องกันการเข้าทำลายทางไซเบอร์และการถูกขโมยข้อมูลสำคัญขององค์กร
สรุป
ทั้งหมดนี้คงทำให้ทุกท่านเข้าใจ Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ได้อย่างลึกซึ้งพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความหมายของ Artificial Intelligence (AI) คืออะไร หลักการทำงานของ Generative AI ที่กำลังเป็นที่นิยม รวมไปถึงประโยชน์ต่าง ๆ ของ AI ที่องค์กรและธุรกิจต่างนำไปใช้เพื่อให้ธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จะเป็นอย่างไรถ้าธุรกิจของท่านนำ AI เข้ามาช่วยในการทำงาน ที่ Tangerine เราแนะนำ Vertex AI Platform เครื่องมือที่ครบวงจรสำหรับการพัฒนาและปรับแต่ง AI ที่ดีที่สุดบน Google Cloud ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของท่านสามารถใช้เทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากท่านสนใจบริการหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม
ติดต่อเราได้ที่ marketing@tangerine.co.th หรือโทร 06-2992-4493
ท่านจะได้รับคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน