ธุรกิจในสมัยนี้มีความเร็ว ความถูกต้อง และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเป็นปัจจัยสำคัญ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความมั่นคงและความยั่งยืน ซึ่ง SAP เป็นซอฟต์แวร์ ERP (Enterprise Resource Planning) ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการทรัพยากรและกระบวนการทำงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การจัดการซัพพลายเชน หรือการบริหารทรัพยากรบุคคล SAP มีบทบาทอันโดดเด่นในการเป็นกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจขององค์กรในทุกขนาด
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ SAP และเหตุผลที่ทำให้ซอฟต์แวร์นี้กลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ยกระดับองค์กรในยุคดิจิทัล
พัฒนาธุรกิจของคุณอย่างก้าวกระโดดด้วย SAP ซอฟแวร์ ERP
SAP ย่อมาจาก Systems, Applications, and Products in Data Processing เป็นบริษัทซอฟต์แวร์จากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 ปัจจุบัน SAP เป็นผู้นำระดับโลกในการให้บริการซอฟต์แวร์องค์กร โดยมีลูกค้ามากกว่า 400,000 ราย ใน 180 ประเทศทั่วโลก ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักของ SAP คือ SAP และ SAP S/4HANA ERP เป็นชุดของแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทุกแผนกขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการเงิน บัญชี ทรัพยากรบุคคล การผลิต ซัพพลายเชน การขายและการตลาด เป็นต้น
ระบบ SAP ERP ช่วยให้ข้อมูลไหลเวียนอย่างราบรื่นทั่วทั้งองค์กร ลดความซ้ำซ้อน เพิ่มความโปร่งใส และช่วยผู้บริหารตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น
ทำไมองค์กรต้องใช้ SAP ERP
มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ SAP ERP เป็นที่นิยมในหมู่องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ได้แก่
ครอบคลุมการทำงานทุกด้าน: SAP ERP มีโมดูลที่ครอบคลุมทุกแผนกและทุกกระบวนการทำงานหลักขององค์กร ช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม
ปรับแต่งได้ตามความต้องการ: แม้จะเป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูป แต่ SAP ERP ก็มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับแต่งให้สอดคล้องกับกระบวนการและความต้องการเฉพาะขององค์กรได้
รวมข้อมูลไว้ในที่เดียว: SAP ERP ทำให้ข้อมูลทั้งหมดขององค์กรอยู่ในระบบเดียวกัน ง่ายต่อการเข้าถึง วิเคราะห์ และนำไปใช้ประโยชน์
เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ: SAP มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น Cloud, AI, IoT, Blockchain เป็นต้น ช่วยให้องค์กรพร้อมรับมือกับความท้าทายในโลกดิจิทัล
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ ทำให้ SAP กลายเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับองค์กรที่ต้องการยกระดับการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ข้อดีของการใช้ SAP on Google Cloud
ขอบคุณรูปจาก google
1. ระบบ SAP มีความปลอดภัยมากขึ้น จาก Infrastructure ของ Google ที่มีความปลอดภัย
- ป้องกันการบุกรุกด้วยการใช้ระบบ Sensor และ AI ในการตรวจจับ
- เข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดโดย default ตั้งแต่การเก็บข้อมูลหรือส่งข้อมูลข้ามระบบ Network
2. เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับระบบ SAP ด้วย Global Infrastructure ของ Google Cloud ที่มีความเสถียร ปลอดภัย
- เมื่อมีการ Maintenance Infrastructure ระบบยังสามารถทำวานต่อไปได้ เนื่องจาก Hardware สามารถทำงานได้ตลอดเวลาด้วยการ Live Migration
- Infrastructure ของ Google Cloud สามารถ Run ระบบ SAP ได้อย่างเสถียร ปลอดภัย ได้มาตรฐานเดียวกับ Infrastructure ของ Google เอง ด้วย Network ที่มี Link สำรองในทุก ๆ การ Connection ระหว่าง Site ทั้งหมดนี้
3. มีความยืดหยุ่น สามารถเลือกใช้งาน Server หรือ Compute Engine ในการ Run SAP ได้อย่างหลากหลาย เช่น ขนาดของ CPU, Memory, Hard Disk หรือ Solid State Drive และ Storage อื่น ๆ ที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล
4. ความสามารถในการปรับขนาด รองรับการใช้งานที่หลากหลากตั้งแต่ Server เล็ก ๆ ไปจนถึงระบบขนาดใหญ่ที่รองรับการใช้งาน In-memory ขนาด 24 TB ในเครื่องเดียว ที่สำคัญคุณสมบัติของ Google Cloud Infrastructure ทั้งหมดนี้ได้รับการ Certified จาก SAP ทำให้เราสามารถ Implement หรือ Migrate ระบบ SAP มา Run บน Google Cloud ได้อย่างมั่นใจ ตั้งแต่ ERP Sand box เล็ก ๆ ไปจนถึงระบบ SAP HANA In-memory Database ขนาดใหญ่ที่รองรับผู้ใช้งานหลายหมื่นคนได้
อ่านเพิ่มเติม: หมดกังวลเรื่องการดูแล SAP Infrastructure ด้วยการ Run SAP บน Google Cloud
การประยุกต์ใช้งาน Data จาก SAP มาเป็น Dashboard
การประยุกต์ใช้ Data จาก SAP มาเป็น Dashboard เป็นกระบวนการที่ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น ด้วยการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น BigQuery, Looker, SAP Analytics Cloud, Power BI Google Data Studio, Databox หรือ Tableau องค์กรสามารถสร้าง Dashboard ที่แสดงข้อมูลสำคัญในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ส่งเสริมการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และช่วยพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล
ทำความรู้จัก Operating System และ Database ที่ใช้ประกอบกันเป็นระบบ SAP ที่ Google Cloud Support: SAP Version ใด ใช้งานบน Google Cloud ได้บ้าง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SAP ERP
1. SAP ERP เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดไหน?
SAP ERP เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนในการดำเนินงานสูง แต่ในปัจจุบัน SAP ก็มีแพ็คเกจสำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะ ซึ่งมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายและใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น จึงสามารถทำให้ทุกรูปแบบธุรกิจ
2. การใช้งาน SAP ERP ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผล?
ระยะเวลาในการนำ SAP ERP มาใช้งานให้เห็นผลขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนขององค์กร รวมถึงความพร้อมของบุคลากร โดยทั่วไปอาจใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน แต่หลังจากนั้นธุรกิจจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
3. การลงทุนใน SAP ERP คุ้มค่าหรือไม่?
แม้ว่าการลงทุนใน SAP ERP อาจมีต้นทุนสูงในช่วงแรก แต่ผลประโยชน์ที่จะได้รับในระยะยาว ทั้งในแง่ของการประหยัดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข่งขัน ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน
4. ความแตกต่างของ SAP On-premise กับ SAP on Google Cloud
- ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure)
SAP On-premise จะเป็นการติดตั้งระบบ SAP บนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรเอง ซึ่งต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการรองรับระบบ รวมถึงการจัดการ Data Center ภายในองค์กร แต่ SAP on Google Cloud ระบบ SAP ถูกติดตั้งบนโครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ให้บริการทรัพยากรเสมือนจริง เช่น เซิร์ฟเวอร์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และเครือข่าย โดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์หรือจัดการ Data Center เอง
- ความยืดหยุ่นและการขยายระบบ (Scalability)
สำหรับ SAP On-premise การขยายระบบต้องลงทุนเพิ่มเติมในฮาร์ดแวร์และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การเพิ่มเซิร์ฟเวอร์หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ซึ่งอาจใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ SAP on Google Cloud จะมีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถปรับขนาดทรัพยากรได้ตามความต้องการแบบเรียลไทม์ เช่น เพิ่มหรือลดเซิร์ฟเวอร์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล หรือพลังประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและประหยัดต้นทุน
- การจัดการและบำรุงรักษา (Management and Maintenance)
SAP On-premise ทีมไอทีขององค์กรต้องรับผิดชอบดูแลการบำรุงรักษาระบบ เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์ การสำรองข้อมูล และการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรและเวลามาก แต่ SAP on Google Cloud การบำรุงรักษาส่วนใหญ่ถูกจัดการโดย Google Cloud ช่วยลดภาระของทีมไอที
- ความปลอดภัย (Security)
การทำ SAP On-premise การรักษาความปลอดภัยขึ้นอยู่กับองค์กรเอง โดยต้องลงทุนในโซลูชันด้านความปลอดภัย เช่น Firewall, ระบบตรวจจับการบุกรุก (IDS/IPS) และการเข้ารหัสข้อมูล ส่วนการทำ SAP on Google Cloud จะมาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก โดยที่องค์กรไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
สรุป
จากข้อมูลทั้งหมดที่เราได้กล่าวมา SAP ERP จึงกลายเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์แนวโน้ม และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด นำไปสู่การสร้างนวัตกรรม พัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า ตลอดจนสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาด
หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับการดำเนินงานให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจยุคใหม่ด้วย SAP ERP ไม่ว่าจะเป็นระบบ On-premise เดิมที่อยากทำการ Off-site Backup หรือมีการใช้ Cloud อยู่แล้วและต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถปรึกษาทีมงาน Tangerine ได้ทุกช่องทาง ที่ marketing@tangerine.co.th