Hybrid Cloud คืออะไร ทำไมองค์กรขนาดใหญ่ถึงเลือกใช้งาน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในยุคปัจจุบันนี้ข้อมูลมีผลต่อการแข่งขันทางธุรกิจอย่างมาก ส่งผลให้องค์กรต่างมองหาโซลูชั่นที่จะเข้ามาช่วยให้ระบบการทำงานและการบริหารข้อมูลมีความทันสมัย ปลอดภัย และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกที่องค์กรขนาดใหญ่เลือกใช้อย่าง ‘Hybrid Cloud’ ระบบคลาวด์ลูกผสมระหว่างคลาวด์ส่วนตัวและคลาวด์สาธารณะ โดยดึงข้อดีจากทั้งสองระบบมาทำงานร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจที่มีการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

Hybrid Cloud คืออะไร ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของเราได้อย่างไร 

Hybrid Cloud คือ การผสมผสานข้อดีระหว่างคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) และคลาวด์ส่วนตัว (Private Cloud) เข้าด้วยกัน เพื่อให้การจัดการข้อมูลและทรัพยากรระบบมีความยืดหยุ่นและตอบสนองความต้องการเฉพาะขององค์กร 

โดย Hybrid Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถใช้งานและโยกย้ายข้อมูลหรือแอปพลิเคชันระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud ได้อย่างราบรื่น ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญใน Private Cloud ในขณะที่ใช้ Public Cloud สำหรับงานที่ต้องการทรัพยากรมากขึ้น ซึ่งการทำงานร่วมกันของทั้งสองระบบนี้ช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบคลาวด์

ประโยชน์ของ Hybrid Cloud ที่องค์กรส่วนใหญ่เลือกใช้

จากการผสมผสานกันระหว่าง Public Cloud ที่เป็นการใช้บริการคลาวด์สาธารณะ และ Private Cloud ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง จึงทำให้ Hybrid Cloud มีข้อดีที่น่าสนใจดังนี้

1. ความยืดหยุ่นและปรับขนาดได้

Hybrid Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถปรับขนาดทรัพยากรไอทีได้ตามความต้องการ โดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม หากความต้องการใช้คลาวด์เปลี่ยนไป ก็สามารถลดการใช้ Private Cloud เพิ่ม Public Cloud ได้ทันที

2. ความปลอดภัยของข้อมูล

ด้วยการแยกข้อมูลสำคัญไว้ใน Private Cloud องค์กรจึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ นอกจากนี้ Hybrid Cloud ยังใช้เป็นศูนย์กลางควบคุมเว็บไซต์ลูกค้าได้อย่างปลอดภัย ผ่านเซิร์ฟเวอร์หรือฐานข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตภายนอกได้โดยตรง

3. ปรับปรุง ROI ให้ดียิ่งขึ้น

ด้วยการผสมผสานระหว่าง Public Cloud และ Private Cloud องค์กรสามารถจัดสรรข้อมูลได้ตามโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร สามารถขยายขีดความสามารถการประมวลผลบนคลาวด์โดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนของ Data Center 

4. ปรับปรุงประสิทธิภาพและลดเวลาในการทำงาน

พนักงานสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันและข้อมูลได้จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอินเทอร์เน็ต ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน สามารถทำงานร่วมกันได้ทุกแผนก และเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานขององค์กรด้วยการใช้ Hybrid Cloud ที่ช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน

5. เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ

Hybrid Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI และ Machine Learning โดยไม่ต้องขยายหรือเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ เพิ่มทรัพยากรให้สูงสุดและพัฒนาองค์กรได้อย่างก้าวกระโดด

หากคุณมีความสนใจในระบบคลาวด์ต่าง ๆ ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม Tangerine เรามีผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์คอยให้แนะนำ มีบริการระบบ Cloud ที่ช่วยเทรนนิ่งส่งมอบระบบ เพื่อให้พนักงานในองค์กรของคุณสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดต่อเพื่อปรึกษาและวางแผนเกี่ยวกับระบบ Cloud ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ได้ที่ marketing@tangerine.co.th 

ความแตกต่างระหว่าง Hybrid Cloud กับ Multi-Cloud 

Hybrid Cloud คือ การผสมผสานการใช้งานระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud เพื่อให้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีความแตกต่างจาก Multi-cloud อยู่ 2 ข้อหลัก ๆ ดังนี้ 

1. Multi-cloud เป็นการนำ Public Cloud จากหลายผู้ให้บริการมาใช้งานร่วมกัน ซึ่งอาจจะมีทั้ง Physical Server, Virtual Machine ที่ On-Premise หรือแม้แต่ Private Cloud ด้วยก็ได้ อาจเรียกได้ว่า Hybrid Cloud เป็นส่วนย่อยของ Multi-cloud นั่นเอง 

2. รูปแบบการใช้งาน Multi-cloud นั้น แต่ละผู้ให้บริการที่เลือกใช้อาจถูกนำมาใช้ในงานที่แตกต่างกัน ซึ่งต่างจาก Hybrid Cloud ที่ระบบจะทำงานประสานกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว บางองค์กรอาจเลือกใช้ Multi-cloud แบบ Project-based สำหรับลูกค้าแต่ละราย โดยไม่จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อผ่าน Dedicated Link หรือ Private Link ก็ได้

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ Multi-cloud หรือ Hybrid Cloud นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของแต่ละองค์กร ทั้งสองรูปแบบต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน องค์กรจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ระบบที่เหมาะสมและตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด

สิ่งที่ควรพิจารณาในการตัดสินใจเริ่มใช้ Hybrid Cloud

1. วัตถุประสงค์ของการใช้งาน

สิ่งแรกที่ควรพิจารณาในการเริ่มใช้งาน Hybrid Cloud คือ องค์กรจะต้องระบุความต้องการหลักได้ เช่น ความต้องการในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการประมวลผล การลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน การสนับสนุนการทำงานแบบ Hybrid Working รวมถึงพิจารณาว่า Hybrid Cloud เหมาะสมกับเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวขององค์กรหรือไม่

2. ต้นทุนและ ROI (Return on Investment)

องค์กรจะต้องวิเคราะห์ต้นทุนรวมของการเป็นเจ้าของระบบ (Total Cost of Ownership:TCO) ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการดำเนินงาน พิจารณาความคุ้มค่าทางธุรกิจ เช่น ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น หรือการลดเวลา Downtime และเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้งาน Public Cloud, Private Cloud และ Hybrid Cloud ว่าระบบใดมีความเหมาะสมกับองค์กรของคุณมากที่สุด

3. ความสามารถด้านเทคโนโลยีและทรัพยากรบุคคล

พิจารณาว่าบุคลากรมีความเชี่ยวชาญในการจัดการ Hybrid Cloud หรือไม่ ต้องการการฝึกอบรมหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมหรือไม่ และเลือกผู้ให้บริการคลาวด์ที่มีบริการสนับสนุนและคำแนะนำทางเทคนิค

4. การบริหารจัดการและการตรวจสอบ

พิจารณาเครื่องมือสำหรับการบริหารจัดการ Hybrid Cloud เช่น การตรวจสอบสถานะการทำงาน (Monitoring) และการรายงาน (Reporting) ระบบมีความยืดหยุ่นในการปรับขนาด (Scalability) และประสิทธิภาพเพียงพอต่อความต้องการในอนาคตหรือไม่

5. ผู้ให้บริการ Hybrid Cloud

เลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น AWS, Microsoft Azure, Google Cloud, หรือ IBM Cloud โดยเปรียบเทียบความสามารถและค่าใช้จ่ายระหว่างผู้ให้บริการ เพื่อเลือกผู้ให้บริการที่ตอบสนองความต้องการขององค์กรมากที่สุด

6. ความพร้อมขององค์กรต่อการเปลี่ยนแปลง

องค์กรต้องพิจารณาความพร้อมในการย้ายระบบหรือข้อมูลจาก On-Premises ไปยัง Cloud และวางแผนกลยุทธ์การย้ายข้อมูล (Migration Strategy) เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้องค์กรสามารถใช้งาน Hybrid Cloud ได้อย่างประสิทธิภาพสูงสุด

Hybrid Cloud เหมาะกับองค์กรประเภทใด 

Hybrid Cloud เหมาะสำหรับองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่มีระบบ IT ซับซ้อน ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะองค์กรที่มีระบบเดิมอยู่แล้วและต้องการค่อย ๆ เปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบ Cloud

ทำไมต้องใช้ Hybrid Cloud 

Hybrid Cloud ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากทั้ง Private Cloud และ Public Cloud ในการจัดการทรัพยากรไอทีและข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้องค์กรสามารถบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมาย และยังเป็นการปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น จากการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยเหลือ พร้อมข้อดีในด้านของความปลอดภัย การลดต้นทุน และสนับสนุนการทำงานในรูปแบบ Hybrid Working ที่ตอบโจทย์กับยุคปัจจุบัน

สรุป

โดยสรุปแล้ว Hybrid Cloud เป็นโซลูชั่นที่เข้ามาช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่มีความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น ด้วยความสามารถในการปรับขนาดและจัดการทรัพยากรไอทีได้เอง ว่าจะเลือกเก็บข้อมูลใน Private หรือ Public Cloud ช่วยลดต้นทุนได้ในระยะยาว และมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะมีความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การประยุกต์ใช้ Hybrid Cloud กับธุรกิจนั้นยังมีความซับซ้อนและความยุ่งยากในการจัดการ จึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและเลือกใช้บริการจาก Cloud Provider ที่มีความน่าเชื่อถือ

Tangerine เรามีบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่วางแผน ออกแบบระบบงาน คัดเลือกและจัดหาอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ดูแลควบคุมการติดตั้งและตรวจสอบระบบ ตลอดจนการให้คำแนะนำในการปรับปรุงรักษาระบบ Cloud ในรูปแบบ Private Cloud, Public Cloud และ Multi-cloud โดยทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินการได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จทางธุรกิจ

ติดต่อเราเพื่อปรึกษาและวางแผนเกี่ยวกับระบบ Cloud ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ได้ที่ marketing@tangerine.co.th